.
Everything happens for a reason. หรือทุกสิ่งที่เกิดขึ้นล้วนมีเหตุผลของมันเสมอ เป็นต้น
.
และในทุกการเปลี่ยนแปลงมันย่อมดีเสมอ หรือการเปลี่ยนจะพาเราไปสู่จุดที่ดีกว่าเสมอ
.
อะไรประมาณนั้น
.
ส่วนตัวก็เลือกมองกรณีบอสส์ เยอร์เกน คลอปป์ แบบนี้ และใช้เวลา 5-6 ชั่วโมงหลังทราบข่าวเย็นวันศุกร์ คิดโน่น คิดนี่ไปเรื่อยจนตกตะกอน และได้เขียนบทความแรกตอนประมาณ 5 ทุ่มวันเดียวกัน
.
ผมอาจใช้เวลาไม่นาน ไม่ได้ร้องไห้ หรือถึงกับกินไม่ได้นอนไม่หลับเหมือนเพื่อน ๆ หลายคน
.
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า ผมไม่รู้สึกอะไรกับการบอกลาครั้งนี้ และก็เข้าใจหัวอกแต่ละคนที่ดีกรีความรู้สึกแตกต่างกันเป็นอย่างดี
.
นักเตะ หรือทีมงานใกล้ชิด อาจไม่ได้เข้มแข็งแบบ เวอร์จิล ฟาน ไดค์ ที่ออกมาสัมภาษณ์จะลุยโลดให้จบใหญ่เพื่อคลอปป์ ก็คงต้องใช้เวลา และรูปแบบวิธีปรับตัวต่างกันไป
.
การออกมาประกาศก่อนจบฤดูกาลที่ยังมีเกมทุกถ้วยอีกประมาณ 30 นัดยังเท่ากับว่า นี่จะเป็น “long good bye” หรือการกล่าวอำลา อย่างยาวนานแบบสุด ๆ
.
มันจะ emotional แน่นอน และอีโม มาก ๆ ก็ใช่ว่าดีนักสำหรับฟุตบอล
.
แฟนบอลในแอนฟิลด์ เมื่อคืนกับนอริช ก็ไม่ฟังคำทัดทาน และร้องเพลงให้บอสส์กันแบบเต็มเสียง
.
อย่าว่าแต่คลอปป์บอกห้ามไว้แล้วยังทำเลยครับ ผมเชื่อว่า เสียงเพลงเชียร์ส่วนตัวดังกล่าวจะยิ่งดังขึ้น ๆ ๆ และดังขึ้นตามจำนวนนัดที่เหลือน้อยลง ๆ อีกต่างหาก
.
ประเด็นกับทีม ผมได้แต่หวังว่า มันจะไม่กระทบทีมในแง่ลบ แต่จะเป็นการกระทบจนกระเพื่อมเป็นพลังเสริมช่วยทีมลุยทั้ง 4 ถ้วยที่เหลือ หวังว่าจะเป็นเช่นนั้นนะครับ
.
สุดท้าย เกมนี้ชนะ และเด็กใหม่โชว์ฟอร์มดีเหลือเกิน เจมส์ แม็คคอนเนลล์ หรือคอเนอร์ แบรดลีย์ ไม่นับ จาเรลล์ ควอนซาห์ และตัวจี๊ดวัย 20 บวกลบนิด ๆ อีกรวมแล้วเหยียบ 10 คน
.
การกลับมาจากบาดเจ็บของ รบส., โซบอสไล และเทรนท์ คือ ดีสำหรับเตรียมรับศึกหนักในสัปดาห์นี้ พุธเปิดบ้านรับเชลซี และอาทิตย์ไปเยือน อาร์เซนอล
.
ดังนั้น ขอให้การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ทำให้เรา ลิเวอร์พูล มีความเป็นหนึ่งยิ่งขึ้นกว่าเดิม และเอาชนะได้ทุกอุปสรรคที่ขวางกั้นครับ
ณัฐวุฒิ ประเทืองศิลป์
#ไข่มุกดำ
#Liverpool
#เยอร์เกนคลอปป์
#คลอปป์อำลา
#IWillLeaveTheClub